อินเตอร์คูลเลอร์
มีหน้าที่ระบายความร้อนของอากาศที่ออกมาจากการอัดของ เทอร์โบ ทำหน้าที่เหมือนหม้อน้ำที่ระบายความร้อนให้เครื่องยนต์
ในขณะที่ เทอร์โบ สร้างแรงดันประมาณ 1 bar ขึ้นไป อากาศที่ถูกอัดตัวจะมีอุณหภูมิสูงถึง 100-120 °c อากาศที่ร้อนเมื่อผ่าน อินเตอร์คูลเลอร์ จะทำให้อุณหภูมิต่ำลง (อากาศที่มีความร้อนสูง จะมีมวลอากาศน้อยหรือความหนาแน่นต่ำ ส่วนอากาศที่เย็นจะมีมวลอากาศมาก หรือความหนาแน่นสูง) เป็นการเพิ่มความหนาแน่นให้กับอากาศก่อนเข้ากระบอกสูบเครื่องยนต์ ทำให้ปริมาณอ๊อกซิเจนมีมากขึ้น ช่วยให้การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงสมบูรณ์ เครื่องยนต์จึงแรงขึ้น
การติดตั้งควรอยู่ในที่รับลม เพื่อระบายความร้อนได้ดีที่สุด ต้องไม่บังการระบายความร้อนของหม้อน้ำที่อาจทำให้ความร้อนสูงขึ้น หรือแผงคอนเด็นเซอร์ในระบบแอร์ จะทำให้แอร์ไม่เย็น ท่อยางและเหล็กรัดควรใช้อย่างดีที่ออกแบบมาใช้กับงาน เทอร์โบ ต้องทนแรงดันและความร้อน เพราะถ้ามีการรั่วอาจทำให้กำลังเครื่องตกได้
การใช้ อินเตอร์คูลเลอร์ ที่หนาเกินไปอาจทำให้ลมผ่านทะลุไปที่หม้อน้ำได้ยาก (ปกติ อินเตอร์คูลเลอร์ จะอยู่หน้าหม้อน้ำ) ทำให้หม้อน้ำระบายความร้อนไม่ดี อินเตอร์คูลเลอร์ ที่เล็กเกินไป ทำให้ระบายความร้อนไม่เพียงพอ หรือประสิทธิภาพการระบายความร้อนต่ำ แต่ถ้า อินเตอร์คูลเลอร์ ใหญ่เกินไป ก็จะเกิด pressure drop ได้ อาจต้องปรับบูสท์ เทอร์โบ เพิ่มเพื่อชดเชยแรงดันที่หายไป
การติดตั้ง อินเตอร์คูลเลอร์ สามารถทำได้ 2 แบบคือ
1 แบบติดตั้งด้านหน้า ข้อดีคือสามารถระบายความร้อนได้ดี เพราะไม่ได้อยู่ในห้องเครื่องยนต์ซึ่งมีอุณหภูมิสูง ลมปะทะได้ดี แต่ข้อเสียก็คือต้องเดินท่อที่ยาว ทำให้แรงดัน เทอร์โบ ตกลงได้ (Pressure drop) แผง อินเตอร์คูลเลอร์ อาจเสียหายจากการถูกก้อนหินกระแทกได้ง่ายเนื่องจากติดตั้งบริเวณหน้ารถ
2.แบบติดตั้งด้านบนเครื่องยนต์ ข้อดีคือ อากาศจะมีการเดินทางที่สั้นกว่าแบบที่ติดตั้งด้านหน้ารถ เกิด Pressure drop น้อย แต่ประสิทธิภาพการระบายความร้อนจะสู้แบบติดตั้งด้านหน้าไม่ได้ ต้องเจาะฝากระโปรงเพื่อให้อากาศเย็นจากภายนอกเข้ามาระบายความร้อนของ อินเตอร์คูลเลอร์ หรือมีการติดตั้งพัดลมไฟฟ้าเพิ่ม